มะเร็งอัณฑะ ไกลหัวใจ แต่เจ็บจุก!
Table Of Contents
มะเร็งอัณฑะ พบยอดผู้ป่วยเพียงแค่ 2% ของโรคมะเร็งทั้งหมด แล้วอาการของโรคนี้สามารถรักษาให้หายได้ ซึ่งโรคมะเร็งอัณฑะจะมีอาการอย่างไร ใครบ้างที่เป็นกลุ่มเสี่ยงของมะเร็งอัณฑะ รวมไปถึงวิธีการตรวจมะเร็งอัณฑะด้วยตนเองเบื้องต้นจะทำได้อย่างไร ไปพบกันในบทความนี้
อาการของมะเร็งอัณฑะ
- อาการของมะเร็งอัณฑะนั้นสามารถสังเกตุได้ โดยมีข้อบ่งชี้ดังต่อไปนี้
- มีการคลำพบ มีก้อนเนื้อที่ลูกอัณฑะ
- ลูกอัณฑะมีขนาดใหญ่ขึ้น หรือบวมขึ้น แต่ไม่มีความรู้สึกเจ็บ ซึ่งลักษณะการบวมจะบวมคล้าย ๆ มีน้ำอยู่ในอัณฑะ
- มีอาการปวดหน่วง ๆ บริเวณขาหนีบหรือท้องนอน
- รู้สึกปวดขัดหรือไม่สบายภายในอัณฑะ
- ความต้องการทางเพศลดลง
กลุ่มเสี่ยงมะเร็งอัณฑะมีใครบ้าง
- พบบ่อยในผู้ชายช่วงอายุ 15 – 35 ปี
- ผู้ชายที่เป็นหมันแต่กำเนิด
- ผู้ที่มีอัณฑะฝ่อ
- ผู้ที่เคยบาดเจ็บหรือมีการอักเสบบริเวณอัณฑะ จากสาเหตุต่าง ๆ
- ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันโรคบกพร่อง เช่น การติดเชื้อไวรัสเอชไอวี
- เพศชายที่อัณฑะไม่เคลื่อนลงมาอยู่ในถุงอัณฑะ พบว่ามีโอกาสเป็นมะเร็งอัณฑะมากขึ้นประมาณ 10 -40 %
- โครโมโซม (Chromosome) คู่ที่ 1 หรือคู่ที่ 12 ผิดปกติ
วิธีการตรวจอัณฑะด้วยตนเอง
การตรวจอัณฑะสามารถทำได้เองโดยง่าย และสามารถทำได้เมื่อสะดวก โดยปกติตามคำแนะนำเมื่ออยู่ในวัยเจริญพันธุ์ควรตรวจอัณฑะด้วยตัวเองเดือนละหนึ่งครั้ง เพื่อสามารถคัดกรองอาการได้ตั้งแต่ระยะแรก ซึ่งการตรวจอัณฑะที่ดี ควรอยู่ในช่วงที่ถุงอัณฑะอยู่ในสภาวะที่ผ่อนคลายที่สุด โดยในการตรวจอัณฑะ ขณะตรวจควรจับองคชาติออกไป จากนั้นค่อย ๆ ใช้นิ้วโป้งและนิ้วอื่น ๆ ไล่คลำบริเวณอัณฑะทั้ง 2 ข้าง เพื่อดูว่ามีก้อนเนื้อหรือไม่
แม้มะเร็งอัณฑะจะพบได้น้อย แต่ก็ยังพบได้ และความรุนแรงของโรคนั้นไม่ได้น้อยเลย เฝ้าสังเกตอัณฑะของตัวเอง หากพบก้อนเนื้อหรือสิ่งผิดปกติ ควรรีบพบแพทย์เพื่อเข้ารับการรักษาที่ถูกต้อง และให้ประกันมะเร็ง Cancer Pro by BDMS จากวิริยะประกันสุขภาพดูแลคุณอีกขั้นนะคะ
ที่มา : โรงพยาบาลสมิติเวช
สินค้าแนะนำ
ประกันโรคร้าย
ประกันมะเร็ง Cancer Pro by BDMS