1. อัลตราซาวด์ (Ultrasound)

          สำหรับการอัลตราซาวด์ วิธีนี้เป็นวิธีการตรวจเช็คมะเร็งเต้านมขณะตั้งครรภ์เบื้องต้นได้ แต่การอัลตราซาวด์นั้น แม้จะไม่สามารถระบุได้ว่าก้อนเนื้อเป็นก้อนเนื้อร้ายอย่างมะเร็งหรือไม่ แต่ก็ยังสามารถช่วยให้แพทย์วินิจฉัยได้ว่าก้อนในเต้านมนั้นเป็นมะเร็งหรือซีสต์ และการอัลตราซาวด์ยังช่วยให้แพทย์เห็นการกระจายของเชื้อมะเร็ง และการตอบสนองต่อการรักษาในอนาคตได้อีกด้วย

2. ตรวจแมมโมแกรม (Mammogram)

          การตรวจแมมโมแกรม คือการตรวจโดยใช้รังสีเป็นตัวช่วยในการวินิจฉัย แต่ไม่ต้องห่วงว่าจะเป็นอันตรายต่อการตั้งครรภ์ เนื่องจากรังสีที่ใช้ในการตรวจนั้นใช้ในปริมาณที่ปลอดภัย และที่สำคัญยังถูกกำหนดทิศทางให้ฉายไปที่เต้านมเพียงอย่างเดียวเท่านั้น การตรวจแบบแมมโมแกรมจะช่วยให้เห็นการก่อตัวของหินปูนเต้านม ความหนาแน่นของเซลล์เยื่อบุผิวที่สร้างสารคัดหลั่ง ผิวและเนื้อเยื่อที่หนาขึ้นในบริเวณเต้านม และขนาดของต่อมน้ำเหลืองบริเวณรักแร้ ซึ่งช่วยให้แพทย์นำข้อมูลไปวินิจฉัยอาการของมะเร็งเต้านมระหว่างตั้งครรภ์ได้ต่อไป

3. MRI Scan

           การทำ MRI Scan เป็นอีกหนึ่งวิธีตรวจความผิดปกติของร่างกายที่มีความปลอดภัยและแม่นยำสูง แต่การทำ MRI อาจเป็นอันตรายต่อทารกได้ ยิ่งโดยเฉพาะการตั้งครรภ์ใน 3 เดือนแรก ดังนั้นการตรวจด้วยวิธี MRI Scan แพทย์จึงให้ตรวจเมื่อมีความจำเป็นเท่านั้น

4. การตัดชิ้นเนื้อ (Biopsy)

          การตัดชิ้นเนื้อจากเต้านมเพื่อไปตรวจวินิจฉัยในห้องปฏิบัติการ เพื่อให้ได้ผลการวินิจฉัยที่แม่นยำที่สุด แต่วิธีนี้เป็นวิธีที่อาจทำให้คุณแม่เกิดการติดเชื้อ มีภาวะเลือดออกมากและน้ำนมรั่วไหลก็เป็นได้