โรคฝีดาษลิง เช็คอาการฝีดาษลิง พร้อมวิธีรับมือหากมีการติดเชื้อ

monkeypox-virus


          กลับมาระบาดอย่างต่อเนื่อง สำหรับโรค  “ฝีดาษลิง” ที่กำลังแพร่กระจายอย่างรุนแรงในทั่วทุกมุมโลก ซึ่งในไทยเริ่มพบเจอผู้ป่วยโรคฝีดาษลิงกันบ้างแล้วเช่นกัน ซึ่งอาการของฝีดาษลิงแต่ละระยะเป็นอย่างไร และการรักษาฝีดาษลิงรวมไปถึงการป้องกันตัวเองจากฝีดาษลิงทำได้หรือไม่ ? 


          วิริยะประกันสุขภาพจะพาทุกคนไปอัปเดตอาการของโรคฝีดาษลิงในแต่ละระยะ รวมไปถึงวิธีการดูแลตัวเองหากติดเชื้อฝีดาษลิงในบทความนี้กัน


โรคฝีดาษลิง (Monkeypox) คืออะไร ?


          โรคฝีดาษลิง (Monkeypox) หรืออีกชื่อที่เรียกว่า “ไข้ทรพิษลิง” เกิดจากการติดเชื้อไวรัส Orthopoxvirus ในวงศ์ Poxviridae ซึ่งเป็นกลุ่มเดียวกับโรคฝีดาษหรือไข้ทรพิษ (Smallpox) โดยเกิดการติดเชื้อครั้งแรกกับ “ลิง” ที่ถูกวิจัย จึงเป็นที่มาของชื่อ “ฝีดาษลิง” และสามารถติดจากสัตว์ไปสู่คนได้ โดยฝีดาษลิงนั้นระบาดมาแล้วกว่า 20 ปีเลยทีเดียว


โรคฝีดาษลิงแพร่เชื้อติดต่อได้จากอะไร 

  1. โรคฝีดาษลิง เป็นโรคติดต่อที่สามารถแพร่กระจายได้อย่างรวดเร็วและง่ายดายซึ่งสามารถติดต่อได้จากสาเหตุหลัก ๆ ดังต่อไปนี้ถูกสัตว์ที่มีการติดเชื้อฝีดาษลิงกัด หรือสัมผัสโดยตรงกับตุ่มหรือหนองของสัตว์
  2. การติดเชื้อจากคนสู่คนเกิดได้จากการสัมผัสผิวหนังที่เป็นตุ่ม หรือหนองที่มีการติดเชื้อฝีดาษลิงโดยตรง
  3. สัมผัสสิ่งของที่มีเชื้อฝีดาษลิงติดอยู่ ไม่ว่าจะเป็นสารคัดหลั่ง หรือละอองที่เจือปนอยู่ในอากาศ หากมีการสัมผัสก็อาจมีโอกาสติดได้เช่นกัน
  4. สัมผัสสารคัดหลั่งจากทางเดินหายใจ เช่น ไอ จูบ หรือละอองฝอยจากการหายใจ ฯลฯ
  5. ติดเชื้อจากแม่สู่ลูกในครรภ

อาการของโรคฝีดาษลิง

อาการของฝีดาษลิงแต่ละระยะนั้นจะมีอาการที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งแบ่งได้ออกเป็น 4 ระยะใหญ่ ๆ 

  1. ระยะฟักตัว (7-14 วัน) ในช่วงแรกนี้ ผู้ป่วยฝีดาษลิงจะยังไม่มีอาการใดแสดงออกมา
  2. ระยะไข้ (1-4 วัน) หลังจากผ่านพ้นระยะฟักตัว อาการของฝีดาษลิงจะเริ่มแสดงออกผ่านทางอุณหภูมิร่างกายที่เริ่มสูงขึ้นเพราะมีไข้ ผู้ป่วยจะมีอาการร่วมคือปวดศีรษะ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ และอาการที่สำคัญที่สุดคืออาการต่อมน้ำเหลืองโต 
  3. ระยะผื่น (2-4 สัปดาห์) ระยะนี้เรียกได้ว่าเป็นระยะที่แพร่เชื้อได้มากที่สุดจากสารคัดหลั่ง ตุ่มหรือหนองที่เกิดขึ้นตามร่างกาย หลังจากเข้าระยะไข้ประมาณวันที่ 3-4 ผู้ป่วยจะเริ่มเข้าสู่ระยะผื่น ซึ่งอาการของระยะผื่นจะทำให้ผู้ป่วยนั้นมีตุ่มหนอง ตุ่มผื่นขึ้นได้ทั้งร่างกาย โดยเฉพาะในส่วนของใบหน้า แขน ขา รวมไปถึงส่วนอื่น ๆ ของร่างกายอย่างเยื่อบุช่องปาก อวัยวะเพศ และกระจกตาก็อาจได้รับผลกระทบจากผื่นหรือตุ่มหนองด้วยเช่นกัน 
  4. ระยะฟื้นตัว ทั้งนี้หลังจากอาการผื่นได้ออกมาทางร่างกาย และได้เริ่มเข้าสู่อาการตกสะเก็ดจนหมดแล้ว ร่างกายของคุณจะเข้าสู่ระยะฟื้นตัว อาการไข้ ผื่นทั้งหลายจะเริ่มหายไป รวมถึงไม่สามารถแพร่เชื้อโรคฝีดาษลิงได้แล้ว แต่ไม่สามารถกำหนดระยะเวลาหายขาดได้ ขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายของผู้ป่วยแต่ละคนที่การฟื้นตัวต่างกัน


วิธีดูแลรักษา หากติดเชื้อ โรคฝีดาษลิง 

         

         ในปัจจุบันโรคฝีดาษลิงยังไม่มีการรักษาสำหรับโรคนี้โดยเฉพาะ เป็นเพียงแต่การรักษาตามอาการที่เกิดขึ้นเพื่อบรรเทาความรุนแรงของโรคเท่านั้น อย่างลดไข้ อาการไม่สบายตัวจากตุ่มหนอง และป้องกันไม่ให้เกิดภาวะแทรกซ้อน


          สำหรับการรักษาจำเพาะ ยาต้านไวรัสจำเพาะเป็นยาที่ใช้ในการรักษาอยู่ในระหว่างการศึกษาวิจัยในต่างประเทศ ทั้งนี้ ยาที่มีรายงานให้รายผู้ป่วยที่อาการรุนแรง คือ tecovirimat (TPOXX)



โรคฝีดาษลิงเป็นโรคที่เป็นแล้วสามารถหายได้เอง เนื่องจากเชื้อไวรัสไม่ได้มีความรุนแรงมากนัก แต่หมั่นรักษาความสะอาด และหลีกเลี่ยงการสัมผัสโดยตรง หรือทางอ้อมจากผู้มีประวัติเสี่ยง เพื่อป้องกันตัวเองให้ปลอดภัยจากโรคฝีดาษลิง 

ด้วยความเป็นห่วงและอยากดูแลคุณเสมอ จากวิริยะประกันสุขภาพ สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม คลิกที่นี่ 


ที่มา Prachachat.net / samitivejhospitals.com

สินค้าแนะนำ